หลักฐานทางศิลปะและโบราณวัตถุ


next >>

 

 
หลักฐานทางศิลปะและโบราณวัตถุเป็นข้อพิสูจน์อย่างดีว่ามะกอกโอลีมีบทบาทสำคัญ ที่สะท้อนถึงมิติทางด้านกว้างและด้านลึกของชนชาวเมดิเตอร์เรเนียนอย่างแยกกันไม่ออก เป็นสักขีพยานที่อยู่ยงคงกะพันมานับพันปี เพื่อช่วยให้เราสามารถสืบสาวร่องรอยไปถึงต้นไม้เก่าแก่และทรงคุณค่านี้
          โบราณวัตถุที่กล่าวถึงนี้ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมของไมซีเนียนบนเกาะครีต ในสมัย 3500 ปีก่อนคริสตกาล เริ่มจากประตูทางเข้าทางด้านเหนือของพระราชวังนอสซัส ( Knossos อยู่ในช่วงกลางของอารยธรรมมิโนอัน ระหว่าง 2100 - 1600 ปีก่อนคริสตกาล ) มีภาพแกะสลักลายนูนรูปวัวกระทิงอันเป็นเทวรูปศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าชนต้นมะกอก และยังมีโลงหิน ( 1400 ปีก่อนคริสตกาล ) ที่สลักภาพของสัตว์บูชายัญและผลไม้เซ่นไหว้วางอยู่ตรงหน้าแท่นบูชา นอกจากนี้ ที่นอสซัสยังมีภาพสีบนฝาผนัง ( fresco ) ( สมัย 1600 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งแสดงภาพของหมู่คนที่ร่ายระบำอยู่ในสวนป่ามะกอก อันเป็นพิธีเฉลิมฉลองทางศาสนาในที่กลางแจ้ง และยังมีการขุดพบคนโท (amphora *) สารพัดขนาดอีกมากมายบนเกาะครีต ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าการเพาะปลูกมะกอกโอลีฟในสมัย 1700 ปีก่อนคริสตกาลนั้นมีบทบาทสำคัญเพียงไร วัตถุโบราณบางอย่างก็ยังเขียนตกแต่งด้วยลวดลายของต้นมะกอก บ้างก็เป็นกิ่งก้าน บ้างก็เป็นดอกที่มีรูปทรงคล้ายดาวแฉก นอกเหนือจากนี้เรื่องราวของมะกอกโอลีฟยังปรากฎอยู่ในงานเขียนของชาวอียิปต์โบราณอีกด้วย
          The discus of Phaestos ( 1650 -1600 ปีก่อนคริสตกาล ) เป็นตัวอย่างที่ใช้สัญลักษณ์ของมะกอกมาประกอบงานเขียน อาทิ ช่อมะกอก กิ่งมะกอกไขว้ และดอกมะกอกทรงดาวแฉก

         นอกเหนือจากนี้เรื่องราวของมะกอกโอลีฟยังปรากฎอยู่ในงานเขียนของชาวอียิปต์โบราณอีกด้วย
          The discus of Phaestos ( 1650 -1600 ปีก่อนคริสตกาล ) เป็นตัวอย่างที่ใช้สัญลักษณ์ของมะกอกมาประกอบงานเขียน อาทิ ช่อมะกอก กิ่งมะกอกไขว้ และดอกมะกอกทรงดาวแฉก
          วัตถุโบราณสมัย 1800 ปีก่อนคริสตกาล พบว่ามีเหยือกหลายสีใช้สำหรับใส่น้ำมันหอม และยังมีภาชนะใส่น้ำมันที่มีรูปทรงเป็นหัวกระทิง ( 1500 ปีก่อนคริสตกาล ) อีกด้วย
          ในอียิปต์ พบว่ามัมมี่ในสมัยกษัตริย์องค์ที่ 20 ( 1200 -1090 ปีก่อนคริสตกาล) มีพวงมาลาที่สานจากกิ่งมะกอกสรวมอยู่บนศีรษะอันเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ
          หลักฐานทางโบราณคดีเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า การเพาะปลูกมะกอกโอลีฟเริ่มมีขึ้นตั้งแต่ยุค Palaeolithic และ Neolithic ( 5000 - 3500 ปีก่อนคริสตกาล ) โดยเริ่มขึ้นบนเกาะครีตก่อน  จากนั้น จึงแพร่ขยายพื้นที่ไปตามเส้นทางมุ่งตรงสู่อียิปต์ และอีกเส้นทางหนึ่งมุ่งสู่เกาะกรีซ และกรีซแผ่นดินใหญ่ ปาเลสไตน์ และเอเซียไมเนอร์
          ภาพวาดในผนังถ้ำช่วงสมัย 5000 - 2000 ปีก่อนคริสตกาลซึ่งขุดพบเมื่อปี ค.ศ.1957 ที่บริเวณเทือกเขาทางตอนกลางของทะเลทรายซาฮารา ( ทัสซิลิ เอล ฮอกการ์ อัลจีเรีย) เป็นภาพวาดของชายหลายคนซึ่งมีมาลัยที่ทำจากกิ่งมะกอกสรวมอยู่บนศีรษะอันเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่ามะกอกเป็นพันธุ์ไม้ที่มนุษย์เราคุ้นเคย กันมานานแสนนาน 
          การสกัดน้ำมันในยุคดึกดำบรรพ์นั้น สืบย้อนได้จนถึงในยุค Neolithid และ Calcolithic ในสมัยยุคหิน แม่แรงเป็นประดิษฐกรรมสำคัญที่ช่วยให้การสกัดน้ำมันสามารถทำได้คราวละมากๆ ในประเทศอิสราเอล มีการค้นพบหมู่บ้านชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งก่อตั้งขึ้นระหว่างสมัยเมื่อ 900 ปีก่อนคริสตกาล ที่หมู่บ้านนี้มีการแกะสลักหินเพื่อใช้ในการผลิตน้ำมันโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับที่ได้ขุดพบอุปกรณ์หรือภาชนะที่ใช้บรรจุน้ำมัน และยังมีการขุดพบเครื่องบีบลูกมะกอกจำนวน 100 ชุด บริเวณเชิงเขาในดินแดนฟิลลิสไทน์แห่งเอ็ครอน ซึ่งเมื่อประมาณการดูแล้ว เครื่องมือเหล่านี้สามารถผลิตน้ำมันได้ถึง 50,000 ลิตรต่อปีทีเดียว สำหรับหมู่บ้านชุมชนในยุคดึกดำบรรพ์ที่จารึกอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลนั้น ความสามารถพิเศษเช่นนี้จัดว่าอยู่เหนือความคาดหมายเป็นอันมาก