กระดังงาจีน
Artabotrys hexapetalus
(L.f.) Bhandari, ANNONACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
: ไม้เถาเนื้อแข็ง
เลื้อยพาดซุ้มหรือค้าง
ให้ร่มเงาได้ดี
ผิวของกิ่งก้านค่อนข้างเรียบ
ยอดอ่อนมีขน ใบเดี่ยว
เรียงสลับ
รูปขอบขนานแกมรี กว้าง
4-8.5 ซม. ยาว 8.5-20 ซม. ปลายแหลม
โคนสอบ ขอบเรียบ
แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน
ด้านล่างสีจางกว่าและมีขนประปรายตามเส้นกลางใบ
เส้นแขนงใบข้างละ 7-9 เส้น
ปลายเส้นโค้งจรดกับเส้นถัดไปก่อนถึงขอบใบ
ก้านใบยาว 5-8 มม. ช่อดอกออกตรงข้ามกับใบ
ก้านแบนและโค้งงอคล้ายขอ
ยาว 1-2 ซม. ดอกใหญ่มี 1-5 ดอก
ออกตามส่วนโค้งของก้านช่อดอก
ดอกอ่อนสีเขียว มีขน
เมื่อแก่สีเหลือง
ผิวค่อนข้างเรียบ
กลิ่นหอม ก้านดอกยาว 1-2
ซม.
โคนก้านมีใบประดับรูปสามเหลี่ยม
1 ใบ กว้าง 1-2 มม. ร่วงง่าย
ปลายก้านดอกใหญ่กว่าโคนก้านและเป็นสามเหลี่ยม
กลีบเลี้ยง 3 กลีบ
รูปสามเหลี่ยม ขนาด 5-7 มม.
ปลายกลีบกระดกขึ้น
กลีบดอกเรียงสลับกัน 2
ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ
รูปขอบขนานปลายแหลม
กว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 2.5-4.5 ซม.
โคนกลีบเว้าคล้ายรูปไข่ป้อมและโค้งแนบกับโคนกลีบชั้นใน
มีจุดกระสีแดงที่ด้านในของโคนกลีบ
เนื้อกลีบหนา
ด้านในมีสันกลางกลีบ
กลีบดอกชั้นในคล้ายกลีบชั้นนอกแต่ขนาดเล็กกว่า
เกสรเพศผู้เล็ก
มีจำนวนมาก
เกสรเพศเมียมีหลายอัน
อยู่แยกกัน
แต่ยอดเกสรเพศเมียมีเมือกเหนียวติดกัน
ผลเป็นผลกลุ่ม
กลุ่มละ 4-20 ผล
แต่ละผลรูปรีป้อมหรือรูปไข่กลับ
กว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 1.5-2 ซม.
ก้านช่อผลยาว 1-2 ซม.
ก้านผลสั้น
ผลอ่อนสีเขียว
เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง
แต่ละผลมี 1-2 เมล็ด
ถิ่นกำเนิด :
พรรณไม้พื้นเมืองของประเทศอินเดีย
ศรีลังกา และจีนตอนใต้
การกระจายพันธุ์ :
ปลูกทั่วไปในเขตร้อน
พม่า ไทย
และภูมิภาคมาเลเซีย
การกระจายพันธุ์ในประเทศไทย
: -
สภาพนิเวศน์ : -
เวลาออกดอก :
ออกดอกตลอดปี
เวลาออกผล : -
การขยายพันธุ์ :
เพาะเมล็ดหรือตอนกิ่ง
ความเกี่ยวข้องกับประเพณี
วัฒนธรรม ความเชื่อ ฯลฯ :
ชื่อกระดังงาจีนในปัจจุบันไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก
คนทั่วไปนิยมเรียกพรรณไม้ชนิดนี้ว่า
การเวก
อ้างอิง : 1)
ราชบัณฑิตยสถาน. 2538. อนุกรมวิธานพืช
อักษร ก. กรุงเทพมหานคร:
เพื่อนพิมพ์.