เขียงผ่าช้าง
Blumea lanceolaria
(Roxb.) Druce, ASTERACEAE (COMPOSITAE)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
: ไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่ม
สูง 0.8-2 ม.
ลำต้นตั้งตรงและแข็งเป็นเนื้อไม้ที่โคนต้น
แตกกิ่งเล็กน้อยที่ปลายลำต้น
มีขนละเอียดตามยอดอ่อนและช่อดอก
ใบเดี่ยว
เรียงเวียนสลับ
รูปใบหอกกลับแกมรี
หรือรูปใบหอกแกมรูปขนาน
กว้าง 1-8 ซม. ยาว 6-32 ซม.
ปลายเรียวแหลม
โคนสอบขอบจักฟันเลื่อยค่อนข้างละเอียด
แผ่นใบด้านบนเป็นคลื่นและเป็นมัน
ด้านล่างมีขนละเอียด
ก้านใบสั้นมาก ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง
ออกตามปลายกิ่ง ยาว 30-60 ซม.
ช่อดอกย่อยเป็นช่อกระจุกแน่น
มีวงใบประดับ 4-5 วง
เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5-1.1
ซม. ใบประดับยาว 1-9 มม.
ใบประดับวงนอกรูปใบหอกแกมรูปไข่
วงในรูปใบหอกแคบ
ขอบเป็นเยื่อบางๆ สีขาว
มีขนละเอียดด้านหลัง
มีขนครุยตามขอบและปลาย
ก้านช่อดอกย่อยยาวประมาณ
6 มม.
ฐานรองกระจุกดอกเส้นผ่านศูนย์กลาง
2-3 มม. ค่อนข้างแบนราบ
มีเกล็ดบางๆ
หรือขนละเอียดทั่วไป
ดอกย่อยมีทั้งดอกสมบูรณ์เพศและดอกเพศเมีย
กลีบดอกสีเหลือง ยาว 5-6
มม. โคนติดกันเป็นหลอด
ปลายแยกเป็น 4-5 แฉก
ดอกสมบูรณ์เพศมีขนหรือสะเก็ดละเอียด
ปลายหลอดแยกเป็น 5 แฉก
รูปไข่ ปลายแหลม
เกสรเพศผู้ 4-5 อัน
โคนอับเรณูมีรยางค์สั้นๆ
รังไข่เล็กมาก
อยู่ใต้วงกลีบ
ดอกเพศเมียกลีบดอกเป็นเส้นเล็กยาว
ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 2
แฉก ผลสีน้ำตาลอ่อน
รูปทรงกระบอก
โค้งเล็กน้อย ยาว 1-3 มม.
ตามยาวผลมีสัน 10 สัน
และมีขนละเอียด
ที่ปลายผลมีวงขน
สีขาวอมเหลืองแล้วเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อๆ
ยาว 5-6 มม.
ถิ่นกำเนิด : -
การกระจายพันธุ์ :
อินเดีย ศรีลังกา พม่า
ภูมิภาคอินโดจีน
มาเลเซีย ฟิลิปปินส์
ไต้หวัน และญี่ปุ่น
การกระจายพันธุ์ในประเทศไทย
: ทั่วทุกภาค
สภาพนิเวศน์ :
ขึ้นในพื้นที่ชื้นมีร่มเงา
ตามหุบเขาหรือริมลำธาร
บนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน
1,500 ม.
เวลาออกดอก :
เดือนพฤศจิกายน-เมษายน
เวลาออกผล : -
การขยายพันธุ์ : -
ความเกี่ยวข้องกับประเพณี
วัฒนธรรม ความเชื่อ ฯลฯ :
-
อ้างอิง : 1)
ราชบัณฑิตยสถาน. 2538.
อนุกรมวิธานพืช อักษร ก.
กรุงเทพมหานคร:
เพื่อนพิมพ์.