กระโดงแดง
Bhesa robusta (Roxb.)
Ding Hou, CELASTRACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
: ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
สูง 15-25 ม. มีพอนที่โคนต้น
เรือนยอดเป็นพุ่มกลมยาว
พุ่มใบแน่น
เปลือกสีน้ำตาล ขรุขระ
แตกเป็นร่องตื้นๆ
ตามยาว
กิ่งอ่อนแบนเป็นเหลี่ยม
มีหูใบรูปกรวยแหลมที่ปลายกิ่ง
ใบเดี่ยว
เรียงสลับ
รูปขอบขนานหรือรูปรีแกมรูปขอบขนาน
กว้าง 3-7 ซม. ยาว 8-17 ซม.
ปลายแหลม โคนมนหรือแหลม
ขอบเรียบแต่ย่นเป็นคลื่นห่างๆ
แผ่นใบด้านบนสีเขียวเลื่อมเป็นมัน
ด้านล่างสีจางกว่า
เส้นแขนงใบขนานกันเว้นระยะห่างค่อนข้างสม่ำเสมอ
ระหว่างเส้นแขนงใบมีเส้นขั้นบันได
ก้านใบยาว 2.5-4 ซม.
ปลายก้านใบที่ต่อกับแผ่นใบป่องและโค้งเล็กน้อย
ช่อดอกแบบหางกระรอก
ออกบนช่อแยกแขนงที่แตกแขนงด้านข้างออกไป
ทำให้ช่อแยกแขนงแต่ละช่อมีช่อดอกแบบหางกระรอกจำนวนหลายช่อ
ช่อแยกแขนงยาว 14-30 ซม.
ช่อดอกแบบหางกระรอกยาว
5-14 ซม.
มีดอกที่มีก้านสั้นๆ
จำนวนมาก ดอกเล็กมาก
สีเหลืองอมเขียว
กลิ่นหอมอ่อน
กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ
5 กลีบ เกสรเพศผู้ 5 อัน
ติดอยู่รอบนอกจานฐานดอกที่ล้อมรอบฐานรังไข่
ผลรูปกรวยแหลม
ส่วนปลายเป็นจะงอยโค้งเล็กน้อย
กว้าง 0.8-1.2 ซม. ยาว 2.7-3.4 ซม.
ผลแก่สีเหลืองและแตกออกตามรอยประสานด้านข้าง
มี 1 เมล็ด เมล็ดแข็ง
รูปรี กว้างประมาณ 9 มม.
ยาว 2-2.5 ซม.
มีเนื้อสีเหลืองหุ้มตลอดหรือเพียงบางส่วน
ถิ่นกำเนิด : -
การกระจายพันธุ์ :
อินเดีย บังกลาเทศ พม่า
ภูมิภาคอินโดจีน
มาเลเซีย
จนถึงเกาะสุมาตรา
และบอร์เนียว
การกระจายพันธุ์ในประเทศไทย
: ทั่วทุกภาค
สภาพนิเวศน์ :
ขึ้นในป่าดิบชื้นและป่าดิบแล้ง
บนพื้นที่ไม่สูงจากระดับน้ำทะเลมากนัก
แต่ทางภาคเหนือขึ้นได้ในป่าดิบเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ
1,400 ม.
เวลาออกดอก : -
เวลาออกผล : -
การขยายพันธุ์ : -
ความเกี่ยวข้องกับประเพณี
วัฒนธรรม ความเชื่อ ฯลฯ :
-
อ้างอิง : 1)
ราชบัณฑิตยสถาน. 2538. อนุกรมวิธานพืช
อักษร ก. กรุงเทพมหานคร:
เพื่อนพิมพ์.