กระแจะ
ชื่อพื้นเมือง :
กระแจะ กระแจะจัน ขะแจะ (ภาคเหนือ),
ตุมตัง (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ),
พญายา (ภาคกลาง, ราชบุรี),
พินิยา (เขมร)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Naringi
crenulata (Roxb.) Nicolson
ชื่อวงศ์ : RUTACEAE
ชื่อสามัญ : -
ลักษณะ : ไม้พุ่มกึ่งไม้ต้น
หรือไม้ต้นขนาดเล็ก
ผลัดใบ สูง 2-10 ม. ตามลำต้น
และกิ่งก้านมีหนามแหลมยาวทั่วไป
เปลือกสีขาวปนเขียว
แตกสะเก็ดเล็กๆ
เป็นร่องตื้นๆ ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว
ออกเป็นช่อเดียวหรือเป็นกลุ่ม
กลุ่มละ 2-3 หรือ 4 ช่อ
เรียงสลับ มีใบย่อย 1-3
คู่ เรียงตรงข้าม
ปลายแกนกลางใบประกอบมีใบย่อยเดี่ยวๆ
ที่ไม่มีก้านใบติดกับใบย่อยคู่ปลาย
ใบย่อยคู่อื่นๆ
ไม่มีก้าน ตามก้าน
และแกนกลางใบประกอบมีครีบลักษณะคล้ายแผ่นใบแผ่กว้างมากหรือน้อยปรากฎอยู่ทั้ง
2 ด้าน ใบย่อยรูปรี
รูปไข่
หรือรูปรีแกมรูปไข่กลับ
ปลายแหลมมนหรือเว้าเล็กน้อย
โคนสอบ ขอบจักมนห่างๆ
แผ่นใบ
และครีบของแกนกลางใบประกอบมีต่อมน้ำมันโปร่งแสงกระจัดกระจายทั่วไป
ช่อดอกออกเดี่ยวๆ
ตามกิ่งด้านข้างหรือออกมาจากกลุ่มใบประกอบ
บางครั้งมีเพียง 1-2 ดอก
ดอกเล็ก สีขาวอมเหลือง
กลิ่นหอมเย็น
กลีบเลี้ยง 4 กลีบ
กลีบดอก 4 กลีบ
แยกกันเป็นอิสระ
มีต่อมน้ำมันทั่วไป
เกสรเพศผู้ 8 อัน ผลกลม
มีเนื้อ
เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.7-1.2
ซม. มีต่อมน้ำมันทั่วไป
สุกสีดำ รสเปรี้ยว มี 1-4
เมล็ด
ประโยชน์ :
เนื้อไม้สีน้ำตาลปนเหลืองอ่อน
เป็นมันเลื่อม
เนื้อหยาบแต่สม่ำเสมอ
แข็ง หนักปานกลาง
ค่อนข้างเหนียว
ใช้ในงานแกะสลัก ทำตู้
และหีบใส่ของที่ต้องการกันตัวแมลง
เปลือก
และไม้ใช้ฝนกับน้ำเป็นเครื่องหอมประทินผิวแบบโบราณ
ในพม่ายังนิยมใช้เปลือกและไม้ฝนผสมกับไม้จันทน์
(sandalwood) จนถึงปัจจุบัน (Rodger,
1963) รากใช้ทำยา
โทษ : -