ลักษณะ
:
ไม้ต้น สูง 10-20 ม. มีรอยแผลใบขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วไป
กิ่งตั้งฉากกับลำต้นปลายย้อยลู่ลง ใบ เดี่ยว เรียงสลับ
รูปรีหรือรูปไข่ยาว ปลายแหลม โคนมนหรือเว้าและเบี้ยวเล็กน้อย
ขอบเรียบหรือเป็นคลื่น ใบอ่อนมีขนทั้ง 2 ด้าน
ใบแก่มักมีขนมากตามเส้นแขนงใบและเส้นกลางใบ ช่อดอก สั้น
ออกห้อยรวมกันบนกิ่งเหนือรอยแผลใบ ช่อหนึ่งๆ มี 3-6 ดอก ดอกใหญ่ กลีบเลี้ยง 3
กลีบ รูปสามเหลี่ยม มีขน กลีบดอกเรียงสลับกัน 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ
แต่ละกลีบรูปขอบขนานปลายแหลม มีขน ขอบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย
กลีบชั้นในแคบกว่าชั้นนอกเล็กน้อย โคนกลีบด้านในสีม่วงอมน้ำตาล
ดอกอ่อนกลีบสีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง กลิ่นหอม เกสรเพศผู้มีจำนวนมาก
เกสรเพศเมียมีหลายอัน อยู่แยกกัน ผล เป็นผลกลุ่ม
อยู่บนแกนตุ้มกลม 4-15 ผล แต่ละผลรูปไข่ ผลอ่อนสีเขียว
ผลแก่สีเขียวคล้ำจนเกือบดำ มี 2-12 เมล็ด เมล็ด สีน้ำตาลอ่อน
รูปไข่แบน
ประโยชน์ :
ปลูกเป็นไม้ประดับ
ไทยใช้ดอกกระดังงาปรุงยาบางตำรับเพื่อแก้ลมและบำรุงเลือด
ใบและเนื้อไม้ต้มกินเป็นยาขับปัสสาวะ นอกจากนี้
ยังใช้อบน้ำทำน้ำเชื่อมและปรุงขนมหวานบางชนิด อินโดนีเซียใช้เปลือกแก้คัน
มาเลเซียใช้ใบแก้คัน และใช้ดอกปรุงในยารักษาโรคหืด
ดอกมีน้ำมันหอมระเหย |