โดย  อนุสรณ์ ปานสุข  นิสิตปริญญาโท สาขาวิชาพันธุศาสตร์
ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
...........................................................................................................................................

      สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่คนไทยยังให้ความสำคัญกันน้อยอยู่  ทั้งที่ในประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่ในบริเวณที่เหมาะสมต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ค่อนข้างสูง รวมทั้งสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกด้วย  จำนวนของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่สำรวจพบในประเทศไทยมีทั้งสิ้นประมาณ 145 ชนิด จากจำนวนของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกทั่วโลกประมาร 4,500 ชนิด แต่มีผู้ประมาณการจำนวนสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกในประเทศไทย คาดว่าน่าจะมีอยู่ถึง 450 ชนิด หรือคิดเป็น 10% ของจำนวนสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่พบทั่วโลก  การที่ยังมีผู้ให้ความสำคัญต่อสัตว์ดังกล่าวน้อย  อาจเป็นเพราะรูปร่างของสัตว์กลุ่มนี้ค่อนข้างแปลก  รวมทั้งวงจรชีวิตและแหล่งที่อยู่อาศัยที่ค่อนข้างลึกลับ ทำให้คนไทยจำนวนมากยังไม่เข้าใจถึงสิ่งมีชีวิตชนิดนี้อย่างลึกซึ้ง บทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายวงจรชีวิตและแหล่งที่อยู่อาศัยสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ในประเทศไทย  และขั้นตอนการสำรวจสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ชนิดนี้เพื่อนำมาศึกษาในห้องปฏิบัติการต่อไป
     สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก  ที่จะแนะนำในบทความนี้มีชื่อภาษาไทยว่า  กบหนอง  มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Fejervarya limnocharis  ซึ่งชื่อกบหนองนี้มาจากลักษณะที่อยู่ของสัตว์ชนิดนี้ที่จะพบได้บริเวณที่เป็นแอ่งน้ำขังชั่วคราว  โดยจะอยู่บริเวณขอบบ่อ ที่เป็นดินเลน หรือบริเวณกลางแอ่งน้ำ  ถ้าแอ่งน้ำนั้นค่อนข้างตื้น และที่ข้างล่างแอ่งน้ำเป็นดินเลน แต่สำหรับบางพื้นที่ก็อาจจะเรียกชื่อกบหนองแตกต่างกันไป เช่น ภาคอีสานเรียกกบชนิดนี้ว่า เขียดอีโม่  หรืองบางพื้นที่ก็อาจเรียกว่า เขียดหลังขีด ซึ่งมาจากสีสันบนลำตัวของกบหนองที่จะมีเส้นขีดกลางหลังขนาดใหญ่พาดผ่านตั้งแต่บริเวณปลายปากจนถึงก้น  แต่กบหนองทุกตัวไม่จำเป็นจะต้องมีขีดกลางหลังเช่นนี้เสมอไป  บางตัวอาจมีขีดขนาดเล็ก บางตัวอาจมีขีดขนาดใหญ่  หรือบางตัวอาจไม่มีขีดเลยก็ได้  ซึ่งจากการสำรวจร่วมกับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ (อพ.สธ)  ในพื้นที่ต่างๆ เช่น เกาะพระทอง  จังหวัดพังงา  เกาะกาเบง จังหวัดสตูล และอำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา  ทำให้สามารถพบกบหนองได้หลายลักษณะ  จึงจัดได้ว่ากบหนองเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก อีกชนิดหนึ่งที่มีความหลากหลายค่อนข้างสูง เหมาะแก่การศึกษาความหลากหลายทางด้านพันธุกรรม
      สำหรับลักษระทั่วไปของกบหนอง  เป็นกบขนาดเล็ก ขนาดความยาวลำตัวเมื่อโตเต็มที่มีขนาดประมาร 42-56 มิลลิเมตร  ลำตัวสีเขียวมะกอกจนถึงเขียวเข้ม บริเวณขอบปากล่างมีแถบสีเข้มสลับกับแถบสีขาว ซึ่งแถบสีเข้มจะมีจำนวน 3-5 แถบ มีแถบสีเข้มพาดขวางระหว่างตา 2 ข้าง  บนหลังมีจุดสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วไป  บางตัวมีแถบสีน้ำตาลอ่อนพาดยาวตั้งแต่ปลายปากจนถึงก้น  สามารถเห็นแผ่นปิดใบหู (tympanum) ได้ชัดเจน บริเวณแผ่นปิดใบหูจะมีจุดสีดำ ท้องมีสีขาวครีม ขามีแถบสีน้ำตาลเข้มพาดขวาง ที่อยู่อาศัยจะพบได้ตามที่ราบ พื้นที่เกษตรกรรม ป่าไม้ และสนามหญ้าตามบ้านเรือน พบได้ทั่วไปทั้งประเทศไทย  กบชนิดนี้นอกจากจะพบในประเทศไทยแล้ว ยังพบว่ามีการกระจายตัวตั้งแต่ประเทศอินเดีย พม่า จีน ไต้หวัน และประเทศญี่ปุ่นด้วย
      สำหรับเทคนิคการสำรวจสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกนั้น จะต้องทำในเวลากลางคืนเท่านั้น  เนื่องจากสัตว์ในกลุ่มนี้เป็นพวกที่ออกหากินในเวลากลางคืน  โดยการสำรวจจะเลือกบริเวณพื้นที่ที่มีความน่าสนใจ เช่น บริเวณแหล่งน้ำต่างๆ  หรือแอ่งน้ำขังที่เกิดจากฝนตกลงมา ขั้นตอนในการสำรวจอันดับแรก  จะใช้การฟังเสียงร้องเพื่อหาตำแหน่งของกบหนองก่อน  หลังจากที่เรารู้ตำแหน่งคร่างๆ ของกบหนองแล้ว จึงจะใช้ไฟฉายเพื่อส่องหาตัว  โดยแสงไฟจะไปกระทบดวงตาของกบทำให้เห็นเป็นวงกลมสีแดง  เมื่อกบเห็นแสงไฟส่องเข้าตาแล้วจะทำให้พวกมันตาพร่าไปชั่วขณะ  และเคลื่อนที่ไม่ได้ เราจึงสามารถเข้าไปจับตัวพวกมันได้
      จากการใช้เทคนิคดังกล่าว การสำรวจจึงควรทำในคืนเดือนมืด เพราะจะทำให้สามารถเห็นตาของสัตว์ชนิดนี้ที่กระทบแสงไฟได้อย่างชัดเจน  การสำรวจสัตว์ชนิดนี้ควรจะเป็นช่วงที่มีฝนตกและเกิดแอ่งน้ำขังใหม่ๆ ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม  และช่วงที่จะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว คือเดือนตุลาคม จะเป็นช่วงที่จะพบกบหนองได้ง่าย  เหตุผลที่เลือกกบหนองมาใช้ในการศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรม เพราะว่ากบหนองเป็นกบอีกชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางธรรมชาติ  โดยสามารถใช้เป้นอาหารสำหรับคนได้   นอกจากนั้น กบหนองยังเป็นอาหารที่สำคัญของสัตว์ชนิดอื่นอีกด้วย โดยเฉพาะพวกสัตว์เลือดเย็น ดังนั้นการอนุรักษ์กบชนิดนี้ไว้จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ระบบนิเวศทางธรรมชาติยังคงความสมดุลอยู่ได้ ที่สำคัญที่สุด กบชนิดนี้มีลักษณะรูปร่างภายนอกหลายแบบแตกต่างกันไป
      จากการสำรวจสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก เพื่อศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมนั้น  จะเห็นได้ว่ายังมีสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกอีกหลายชนิด ทีเรายัมีข้อมูลด้านต่างๆ อยู่จำนวนน้อย  ทั้งที่ประเทศไทยถือว่ามีสัตว์ในกลุ่มดังกล่าวอยู่เป็นจำนวนมาก  ดังนั้นเราควรจะต้องเร่งศึกษาหาข้อมูลของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกชนิดต่างๆ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการศึกษาความหลากหลาย  และเป็นการอนุรักษ์สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกเหล่านี้ไม่ให้เกิดการสูญพันธุ์จากแหล่งอาศัยตามธรรมชาติ
 

ลักษณะแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของกบหนอง

ลักษณะของกบหนองที่แตกต่างกัน
 


   สนใจติดต่อขอสมัครสมาชิกและขอรับจุลสารได้ที่ : สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจาก
พระราชดำริฯ สวนจิตรลดา ถนนราชวิถี เขตดุสิต  กรุงเทพ 10303 โทร. 0-2282 1850 , 0-2282 0665