พระเจ้าอยู่หัวของประชาชน

          ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความเศร้าสลดครอบคลุมชาติไทย  มองไปทางไหนมีแต่สีแห่งความทุกข์  คือสีดำเต็มไปหมด  ความมหาวิปโยคเพิ่งเกิดขึ้นกับทวยราษฎร์ข้าแผ่นดิน  เพราะเพิ่งสูญเสียพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล  พระปิยราชบรมราชกษัตริย์ไปอย่างไม่มีวันกลับ  เหลือเพียงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช "พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่"  เพียงองค์เดียวเท่านั้นที่จะเป็นความหวังและที่พึ่งของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน  ประชาชนได้ทุ่มเทความรัก ความหวงแหนยิ่งถวายแด่พระองค์จนหมดสิ้น
          วันนั้น...วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๔๘๙  เมื่อพระองค์ทรงอำลาผืนแผ่นดินไทยไปสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์  เพื่อทรงศึกษาต่อ  ประชาชนทั้งหลายจึงรู้สึกเปล่าเปลี่ยว..เคว้งคว้าง ไร้ที่พึ่ง  ไร้พระบรมโพธิสมภารที่เคยร่มเย็น  ขณะรถยนต์พระที่นั่งค่อยๆ เคลื่อนอย่างช้าๆ ผ่านหน้ามหาชนนับหมื่นนับแสนที่มาเฝ้าฯ ส่งเสด็จอยู่ด้วยความจงรักภักดี  นาทีนั้นเอง ทุกคนรู้สึกตรงกัน  เหมือนดวงใจถูกพรากหลุดลอยไป เกรงว่าพระองค์จะไม่เสด็จนิวัติประเทศไทยอีก  เหลือสุดที่ประชาชนจะทนได้  จึงมีเสียงร้องทูลขอสัญญาว่า

 " อย่าทิ้งประชาชน..."
          " ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว  ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนได้อย่างไร "
            นั่นคือพระราชสัจจะจากดวงพระราชหฤทัย  ที่จะมีพระราชดำรัสกับประชาชนในขณะนั้น  แต่รถยนต์พระที่นั่งก็ได้แล่นเลยไปแล้ว
            แม้เครื่องบินพระที่นั่งทะยานขึ้นสู่ฟ้ามหานครแล้ว  แต่ถนนทุกสายยังเนืองแน่นด้วยประชาชนที่เฝ้ามอง "พระเจ้าอยู่หัว"  จนระทั่งเครื่องบินลับหายไปจากสายตา  พร้อมกับดวงใจของประชาชนที่เฝ้ารอพระองค์กลับมา  ....เป็นมิ่งขวัญตลอดไป

 

          ท่ามกลางความโทมนัสอย่างแสนสาหัสเพียงดวงพระราชหฤทัยแตกสลาย  ที่ต้องสูญเสียสมเด็จพระเชษฐาธิราชไปอย่างกระทันหัน  แต่ภาพแห่งความจงรักภักดีอย่างเปี่ยมล้น และเสียงร้องทูลขอสัญญาของประชาชนในวันนั้น  ตรึงตราประทับอยู่ในพระราชหฤทัยตลอดมา  เป็นสายใจผูกพัน ทำให้ทรงเป็น " พระเจ้าอยู่หัวของประชาชนอย่างแท้จริง "  ทั้งที่ในพระราชหฤทัยทรงไม่เคยคิดว่าจะเป็นกษัตริย์  เหล่าพสกนิกรทั้งหลายจงคิดดูเถิดว่า  พระราชภารกิจของพระองค์นั้นแสนหนักหน่วงสักเพียงไหน  ทรงงานเพื่อประโยชน์สุขของทวยราษฎร์  ทั้งกลางวันและกลางคืน  มีผู้รวบรวมพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ  ใน พ.ศ. ๒๕๑๕  ไว้เฉพาะที่มีหมายกำหนดการมีจำนวนถึง  521 ครั้ง  ไม่รวมถึงการเสด็จเป็นการส่วนพระองค์  แล้วอย่างนี้จะมีประชาชนของประเทศไหนในโลกโชคดีเท่าประเทศไทย....

 ย้อนกลับ    กลับหน้าหลัก