ทิพเกสร

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Utricularia    minutissima    Vahl, Enum. 1: 204 . 1804.
วงศ์ :  LENTIBULARIACEAE
ชื่อสามัญ : -
ชื่ออื่น :
หญ้าฝอยเล็ก
ลักษณะ : ไม้ล้มลุกอายุ 1 ปี    เดี่ยว เรียงสลับ  ออกบริเวณใกล้พื้นดิน รูปแถบถึงรูปใบหอกกลับ กว้างประมาณ 0.5 มม. ยาวประมาณ 6 มม. ปลายใบกลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเกลี้ยง เส้นกลางใบ 1 เส้น ไม่มีก้านใบ ถุงดักจับ  ขนาดเล็กมาก รูปไข่  เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.2 มม. ก้านถุงดักจับยาวประมาณ 0.3 มม. ช่อดอก  กระจะ โปร่ง ตั้งตรง สูงได้ถึง 15 ซม. ก้านช่อดอกยาวได้ถึง 10 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.2-0.3 มม. ผิวด้านล่างมีขนสั้นขนาดเล็กปกคลุม ผิวด้านบนเกลี้ยง หรือเกือบเกลี้ยง  แกนช่อดอก ยาวได้ถึง 6 ซม. ผิวเกลี้ยง ดอกย่อยจำนวน 2-6 ดอก ก้านดอกย่อยยาวได้ถึง 0.5 มม.  ใบ ประดับรูปไข่ กว้างประมาณ 0.4 มม. ยาวประมาณ 0.5 มม. ปลายแหลม ขอบเรียบ ผิวเกลี้ยง ใบประดับย่อยรูปไข่แคบ กว้างประมาณ 0.3 มม. ยาวประมาณ 0.5 มม. ปลายแหลม ขอบเรียบ กลีบเลี้ยง  2 กลีบ สีขาว เชื่อมติดกันที่ฐาน แฉกกลีบเลี้ยงขนาดใหญ่ใกล้เคียงกัน รูปไข่กว้างถึงรูปเกือบกลม กว้างประมาณ 0.2 มม. ยาวประมาณ 1.4 มม. ปลายมนถึงกลมขอบเรียบ ผิวเกลี้ยง หรือมีปุ่มเล็กๆ
กลีบดอก  เชื่อมติดกันเป็นรูปปากเปิด สีขาวถึงขาวแกมม่วงอ่อน กลีบปากด้านบน กว้างประมาณ 1.2 มม. ยาวประมาณ 3.5 มม. คอดบริเวณตรงกลาง ส่วนบนรูปไข่ กว้างประมาณ 1.2 มม. ยาวประมาณ 2 มม. ปลายกลมขอบเรียบส่วนล่างรูปสามเหลี่ยม ฐานกว้างประมาณ 1.2 มม. ยาวประมาณ 1.5 มม. มีขนสั้นละเอียด กลีบปากด้านล่างรูปหัวใจกว้าง ปลายมนมีแฉกด้านข้าง และมีกลีบดุ้งสีเหลือง ขอบเรียบเป็นคลื่น ฐานมีเดือยรูปกรวยแคบ คอดและงอตรงกลางเล็กน้อย ยาวประมาณ 4.5 มม. บริเวณฐานพองออก เกสรเพศผู้  2 อัน ติดอยู่ที่ฐานของกลีบปากด้านบน ก้านเกสรเพศผู้แบน โค้ง ยาวประมาณ 0.5 มม. อับเรณูยาวประมาณ 0.6 มม. มีรอยคอดตรงกลาง เกสรเพศเมีย  1 อัน รังไข่รูปไข่แบน กว้างประมาณ 0.5 มม. ยาวประมาณ 0.6 มม. ภายในมี 1 ห้อง ออวุลจำนวนมากที่ติดฐาน ก้านเกสรเพศเมียสั้นมาก ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 2 ปาก ขนาดไม่เท่ากัน รูปครึ่งวงกลม และรูปสามเหลี่ยม ผล รูปเบี้ยว กว้างประมาณ 1.3 มม.ยาวประมาณ 1.6 มม. เมล็ด  รูปไข่กลับ  ยาวประมาณ 0.25 มม.
แหล่งค้นพบในประเทศไทย เชียงใหม่ เลย ชัยภูมิ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี
การกระจายพันธุ์ อินเดียถึงญี่ปุ่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย
นิเวศวิทยา : ขึ้นเป็นกลุ่มบริเวณพื้นที่เปียกชื้น ออกดอกช่วงเดือน กรกฎาคม ถึง เดือนธันวาคม

สรรพคุณ
: พื้นบ้านอีสาน ใช้ทั้งต้น ต้มน้ำดื่ม เข้าตำรับยาบำรุงเลือด

   
  แหล่งข้อมูล : หนังสือ ไม้ยาที่ผาแต้ม โดย ธนุชา บุญจรัส สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ