กระทิง
ชื่อพื้นเมือง :
กระทิง กระทึง กากะทิง
กากะทึง (ทั่วไป), ทิง (กระบี่),
เนาวกาน (น่าน), สารภีทะเล
(ประจวบคีรีขันธ์),
สารภีแนน (ภาคเหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Calophyllum
inophyllum L.
ชื่อวงศ์ : CLUSIACEAE
(GUTTIFERAE)
ชื่อสามัญ : Alexandrian Laurel
ลักษณะ : ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
สูงถึง 20 ม.
ทุกส่วนมียางสีเหลืองอมเขียว
ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม
รูปรีแกมรูปไข่กลับ
แผ่นใบเกลี้ยง เป็นมัน
ปลายมน
หรือมีรอยเว้าบุ๋ม
ช่อดอกออกตามง่ามใบ
และปลายกิ่ง ดอกสีขาว
กลิ่นหอม
กลีบเลี้ยงสีเดียวกับกลีบดอกมีอย่างละ
4 กลีบ
เกสรเพศผู้มีจำนวนมาก
ผลค่อนข้างกลม
และฉ่ำน้ำ
เมื่อสุกสีเหลือง
ประโยชน์ : ปลูกกันเป็นไม้ประดับ
เป็นไม้ให้ร่มตามถนน
ไม้ใช้ในการก่อสร้าง
ทำเครื่องเรือน
ทำกระดูกงูเรือ
ไม้หมอนรถไฟ ใบมี saponin
เมล็ดเมื่อนำมาบีบ
หรือสกัดด้วยตัวทำลายอินทรีย์ให้น้ำมันสีเหลืองอมเขียวร้อยละ
50-73 มีกลิ่นไม่ชวนดม
มีชื่อเรียกได้ต่างๆ
กัน เช่น Domba Oil, Laurel Nut Oil, Dillo Oil
และ Poon Seed Oil
ประกอบด้วยกรดไขมันซึ่งอยู่ในรูป
glyceride และกรดไขมันอิสระ
นอกจากนี้
ยังมีเรซินอีกด้วย
น้ำมันที่ได้ใช้ทำสบู่
จุดตะเกียง
เนื่องจากมีเรซินอยู่ในน้ำมันในเมล็ดหลังจากบีบน้ำมันแล้วนำไปใช้ทำปุ๋ยหมัก
เปลือกต้นมีแทนนินอยู่ประมาณร้อยละ
19
สิ่งสกัดด้วยน้ำจากเปลือกใช้ล้างแผล
ยางทำให้อาเจียน
และถ่ายอย่างรุนแรง
โทษ :
ใบมีสารซึ่งเมื่อสลายตัวแล้วให้
hydrocyanic acid เป็นพิษต่อปลา
และมนุษย์
ยางทำให้อาเจียน
และถ่ายอย่างรุนแรง