"ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ศึกษาและทดลองทำนามาบ้าง และทราบดีว่าการทำนานั้นมีความยากลำบากเป็นอุปสรรคอยู่ไม่ใช่น้อย จำเป็นต้องอาศัยพันธุ์ข้าวที่ดี และต้องใช้วิชาการต่างๆ ด้วย  จึงจะได้ผลเป็นล่ำเป็นสัน อีกประการหนึ่งที่นานั้น เมื่อสิ้นฤดูทำนาแล้ว ควรจะปลูกพืชอื่นๆ บาง เพราะจะเพิ่มรายได้ให้อีกไม่น้อย ทั้งจะช่วยให้ดินร่วน ช่วยเพิ่มปุ๋ยกากพืชทำให้ลักษณะเนื้อดินดีขึ้น เหมาะสำหรับจะทำนาในฤดูต่อไป"
          ข้อความข้างต้นเป็นพระราชดำรัส ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่กลุ่มผู้นำชาวนา แสดงถึงความสนพระทัยที่ทรงมีต่อพสกนิกรอันเป็นชาวนาชาวไร่โดยตรง ตามโบราณราชประเพณี ซึ่งพระมหากษัตริย์ในฐานะทรงเป็นเกษตรบดี ทรงมีพระราชกิจในการสนับสนุนขวัญและกำลังใจแก่ชาวประชาราษฎร
          ในปีพุทธศักราช 2503 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟูราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และปรับปรุงพิธีการบางอย่างให้เหมาะสมกับยุคสมัย เพื่อความเป็นศิริมงคลและบำรุงขวัญเกษตรกร ถือฤกษ์ยามเหมาะสมต้องตามประเพณี รวมทั้งทำให้ชาวต่างประเทศได้เห็นขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของคนไทยด้วย
          ความมุ่งหมายของพิธีแรกนา อยู่ที่จะทำให้เป็นตัวอย่างแก่เกษตรกร ชักนำให้มีความมั่นใจในการทำนา แม้จะเป็นความจำเป็นสำหรับบ้านเมืองในสมัยโบราณอย่างไร ถึงในปัจจุบันก็คงเป็นอยู่อย่างนั้น งานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเปรียบเหมือนพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นองค์ประมุขของประเทศได้ทรงมีพระมหากรุณาต่อชาวนาไทย ผู้เปรียบประดุจดังกระดูกสันหลังของชาติ การที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงมีส่วนร่วมในกิจกรรมด้านเกษตร ถือเป็นการบำรุงขวัญและเป็นกำลังใจแก่เกษตรกรทั่วกัน เป็นต้นเหตุแห่งความตั้งมั่นและความเจริญไพบูลย์ทั้งปวง
          พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ แยกเป็น 2 พิธี คือ พระราชพิธีพืชมงคลเป็นพิธีทำขวัญเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ เช่น ข้าวเหนียว ข้าวเปลือก ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถั่ว งา เผือก มัน และพืชอื่นๆ เพื่อให้พืชเหล่านั้นเจริญงอกงาม ปราศจาคโรค โดยจะประกอบพระราชพิธี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่วนพระราชพิธีแรกนาขวัญ เป็นพระราชพิธีแรกไถก่อนที่ชาวนาจะทำพิธีแรกนามในนาของตนเอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินไปเป็นองค์ประธานในพระราชพิธีนี้สืบต่อกันมาทุกปี
          ปีพุทธศักราช 2504 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมการข้าว (เดิม) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำพันธุ์ข้าวต่างๆ มาปลูกทดลองในบริเวณสวนจิตรลดา โดยในปีแรกพระองค์ท่านทรงขับรถไถนาควายเหล็กเพื่อเตรียมเพาะปลูกข้าว ตลอดทั้งทรงหว่านข้าว และทรงเก็บเกี่ยวข้าวด้วยพระองค์เอง
          ต่อมากรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับสนองพระราชดำริ โดยได้ปลูกข้าวนาสวนและข้าวไร่ในฤดูฝน หลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว ในช่วงฤดูแล้ง ได้ปลูกพืชตระกูลถั่วหมุนเวียนในนาข้าวด้วย เพื่อเป็นการบำรุงดิน และสาธิตการปลูกพืชไว้หลังนา ทำที่นาให้เกิดประโยชน์มากที่สุดในรอบปี
          โครงการส่วนพระองค์นาทดลองสวนจิตรลดา ได้ดำเนินงานติดต่อกันมาเป็นประจำทุกปีมิได้ขาด ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2504 ถึงปัจจุบัน เมล็ดข้าวต่างๆ ที่เก็บเกี่ยวได้จากนาทดลองสวนจิตรลดา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขอพระราชทานนำไปใช้สำหรับงานพระราชพิธีฯ แล้วให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรนำไปบรรจุซองเล็กๆ จัดเป็นข้าวมงคล "พันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทาน" ส่วนเมล็ดถั่วที่เก็บเกี่ยวได้ก็เช่นกันได้ขอพระราชทานนำไปใช้ในโครงการพิเศษอื่นๆ ผละใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนาขยายพันธุ์ของทางราชการ แล้วส่งไปแจกจ่ายให้พสกนิกรทั่วประเทศ เพื่อเป็นมิ่งขวัญและสิริมงคลในการประกอบอาชีพการเกษตรของตนตามประเพณีนิยมสืบไป

 











       ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากเวบไซต์ของ  มูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์