มะกอกน้ำมันทั้งมวลซึ่งมาสะกัดเป็นน้ำมันนั้น
( 98.55% -99.5% )
เกิดขึ้นจากลำดับส่วนของไขมันที่เปลี่ยนเป็นสบู่ได้
( saponifiable fraction ) อันประกอบด้วย
ไตรกลีเซอไรด์ -
สารประกอบของกลีเซอรอล
กับกรดไขมัน
และอนุมูลอิสระ
ในน้ำมันมะกอกมีปริมาณของกรดไขมันอยู่สูงถึง
18 คาร์บอนอะตอม
ซึ่งอาจจับตัวในลักษณะพันธะเดี่ยว
และพันธะคู่ เรียกว่า
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
- หรือเป็นคู่พันธะหลายคู่
เรียกว่า
กรดไขมันไม่อิ่มตัว
เชิงซ้อน ทั้งนี้
โครงสร้างทางปฏิกิริยาและลักษณะของน้ำมันพืชนั้นจะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของกรดไขมันที่มีอยู่
มะกอกมีปริมาณของกรดโอเลอิคอยู่สูงมาก
ซึ่งคือกรดไขมันไม่อิ่มตัวนั่นเอง
ทั้งนี้สัดส่วนของกรดไขมันที่มีอยู่ในผลมะกอกจะมีมากหรือน้อยนั้น
ขึ้นอยู่กับพื้นที่เพาะปลูก
พันธุ์มะกอก
และอายุของต้นมะกอก ฯ :
กรดไขมันอิ่มตัว
8 - 27 %
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
55 - 83 %
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน
3.5 - 22 %
ลำดับส่วนอื่นๆ
ของมะกอกน้ำมัน คือ
ลำดับส่วนของไขมันที่ไม่เปลี่ยนเป็นสบู่
( unsaponfiable fraction )
แม้จะเป็นส่วนที่เล็กน้อยมากก็ตาม
แต่ก็มีความสำคัญยิ่งต่อคุณค่าทางชีวภาพ
สารสีเขียว (chlorophyll)
และสารสีแดง สีส้ม (carotene)
เป็นส่วนที่ทำให้สีของผลมะกอกเปลี่ยนไปจนถึงสีเข้มจัด
ส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหย
เป็นส่วนที่ทำให้มะกอกมีกลิ่นและรสชาติที่ดี
แม้ว่า กรดโพลีฟินิล
หรือสารที่ให้รสชาติจะมีอยู่ในผลมะกอก
แต่เนื่องจากโดยธรรมชาติของผลมะกอกมีส่วนประกอบของสารต้นอนุมูลอิสระ
(antioxidant)
จึงมีผลต่อค่าความคงสภาพของน้ำมันอยู่ค่อนข้างมาก
กล่าวคือ
มะกอกน้ำมันยังมีโทโคฟิรอล
ซึ่งส่วนมากจะเป็นวิตามินอี
( อัลฟา-โทโคฟิรอล)
ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในตัวด้วยเช่นกัน
สเตอรอลที่พบมากในมะกอกน้ำมัน
คือ ไซโตสเตอรอล ( sitosssterol )
และยังพบว่าไม่มีคอเลสเตอรอลอยู่เลย
|