ในช่วงเจริญเติบโตของต้นมะกอกโอลีฟนั้น
จะมีความอ่อนไหวต่อระดับอุณหภูมิต่ำๆ
อย่างมาก
เพราะความหนาวเย็นมีส่วนทำให้กิ่งอ่อนและกิ่งแขนงเหี่ยวเฉาไป
และอาจลามไปถึงส่วนของลำต้นและกิ่งใหญ่อีกด้วย
การทนต่ออากาศหนาวของต้นมะกอกเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน
ทั้งนี้ต้นมะกอกจะให้ผลดีเมื่ออุณหภูมิใกล้
0 องศาเซลเซียส
เพราะที่ระดับอุณหภูมิดังกล่าวจะช่วยให้มะกอกเกิดการพักตัว
นอกจากจะทนต่อความหนาวเย็นแล้ว
ต้นมะกอกโอลีฟยังทนต่อความร้อนในช่วงฤดูร้อนด้วยเช่นกัน
และแม้ว่าดินจะขาดความชุ่มชื้น
แต่ต้นมะกอกก็สามารถจะปรับตัวโดยชะลอการเจริญเติบโตไว้ชั่วคราว
พื้นที่ทางภูมิศาสตร์เป็นแหล่งที่มีต้นมะกอกโอลีฟชุกชุมนั้นเป็นบริเวณที่เส้นละติจูดกับความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมีความสัมพันธ์ในเชิงตรงข้าม
อย่างเช่น ในประเทศสเปน
มะกอกจะขึ้นได้ดีบริเวณต่างๆ
ดังนี้คือ ที่แคว้น Rioja
ซึ่งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล
250 เมตร ที่แค้วน Castilla-La Mancha
เหนือระดับน้ำทะเล 700 เมตร
และที่เมือง Jean และ Garnada
เหนือระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร
ในประเทศโมร็อกโก
ต้นมะกอกโอลีฟมีอยู่ชุกชุมที่เทือกเขาแอทลาส
บริเวณ 1600 -1700 เมตร
เหนือระดับน้ำทะเล
ส่วนที่ประเทศอาร์เจนตินา
ก็พบแหล่งของต้นมะกอกที่บริเวณเหนือระดับน้ำทะเล
200 เมตร
ในบริเวณที่มะกอกโอลีฟขึ้นหนาแน่นนั้นมีอยู่หลายแห่งเช่นกันที่พบว่ามีลักษณะจำเพาะทางภูมิอากาศ
กล่าวคือ
ตอนบนของพื้นที่มีฝนตกน้อย
และฝนตกเป็นหย่อมๆ
รวมถึงในฤดูร้อนก็มิได้เกิดการก่อตัวของพายุฝน
มีสภาพอากาศเช่นนี้ติดต่อกันนานหลายปี
เพราะเนื่องจากหน้าดินไม่ถูกชะไปกับพายุฝน
ที่เมืองซฟาคซ์ ( Sfax )
ในตูนิเซียนั้น
พื้นที่บางแห่งในบริเวณที่เพาะปลูกมีปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ยเพียงแค่
180 มม. ต่อปีเท่านั้น
ซึ่งเท่ากับว่าปีที่แห้งแล้งแทบจะไม่มีฝนเลย
ที่เมืองมาราเกซ ( Marrakesh )
ในโมร็อกโก
ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยประมาณ
230 มม.
และต้นจะเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่มีแหล่งน้ำ
มีระบบชลประทานรองรับเท่านั้น
แต่ขณะเดียวกัน
พื้นที่บางแห่งในอิตาลีและยูโกสลาเวีย
ก็มีมะกอกโอลีฟขึ้นหนาแน่นเช่นกัน
ถึงแม้นว่าปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีจะสูงถึง
900 มม. ก็ตาม
กล่าวโดยสรุปคือ
ลักษณะของผิวดินและชั้นใต้ผิวดิน
รวมทั้งแนวลาดชันของพื้นที่นั้นๆ
เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่มีผลต่อการปรับตัวของต้นมะกอก
เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับปริมาณน้ำที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต
|