| 
		 | 
	
	
		| 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
   | 
		  | 
		  | 
		  | 
	
	
		| 
		 กลุ่มยาแก้ท้องขึ้น 
		ท้องอืด ท้องเฟ้อ  | 
	
	
		| 
		 ว่านน้ำ  | 
	
	
		| 
		 
		   | 
	
	
		|   | 
	
	
		| 
		 
		ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Acorus 
		calamus  L.  | 
	
	
		| 
		 ชื่อสามัญ
		:    Mytle 
		Grass, Sweet Flag  | 
	
	
		| 
		 วงศ์
		:   Araceae  | 
	
	
		| 
		 ชื่ออื่น
		:  คงเจี้ยงจี้ 
		ผมผา ส้มชื่น ฮางคาวน้ำ ฮางคาวบ้าน (ภาคเหนือ) ตะไคร้น้ำ (เพชรบุรี)  
		ทิสีปุตอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ว่านน้ำ ว่านน้ำเล็ก ฮางคาวผา (เชียงใหม่)
		  | 
	
	
		| 
		 
		
		ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : 
		 
		ว่านน้ำมีลำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดินลักษณะเป็นแท่งค่อนข้างแบน 
		มีใบแข็งตั้งตรง รูปร่างแบนเรียวยาวคล้ายใบดาบฝรั่ง ปลายใบแหลม 
		แตกใบเรียงสลับซ้ายขวาเป็นแผง ใบค่อนข้างฉ่ำน้ำ 
		ดอกมีสีเขียวมีขนาดเล็กออกเป็นช่อ 
		มีจำนวนมากอัดกันแน่นเป็นแท่งรูปทรงกระบอก มีก้านช่อดอกลักษณะคล้ายใบ 
		ทั้งใบ เหง้า และรากมีกลิ่นหอมฉุน ชอบขึ้นตามที่น้ำขัง หรือที่ชื้นแฉะ 
		ส่วนที่ใช่ :  ราก 
		เหง้า น้ำมันหอมระเหยจากต้น  | 
	
	
		| 
		 สรรพคุณ
		:  
		
			- 
			
ราก  
			-  รับประทานมาก ทำให้อาเจียน แต่มีกลิ่นหอม 
			รับประทานน้อย เป็นยาแก้ปวดท้อง ธาตุเสีย บำรุงธาตุ แก้จุก 
			ขับลมในลำไส้ ปรุงลงในยาขมต่างๆ ทำให้ระงับอาการปวดท้องได้ดี 
			-  ในว่านน้ำมีสารชนิดหนึ่งเรียกว่า อาโกริน acorine
			มีรสขมและแอลคาลอยด์ คาลาไมท์ อยู่ในนี้เป็นยาแก้บิด 
			เป็นยารักษาบิดของเด็ก (คือมูกเลือด) และหวัดลงคอ (หลอดลมอักเสบ) 
			ได้อย่างดี เป็นยาขับเสมหะอย่างดี ชาวอินเดียใช้ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ 
			เคี้ยว 2-3 นาที แก้หวัดและเจ็บคอ 
			และใช้ปรุงกับยาระบายเพื่อเป็นยาธาตุด้วยในตัว 
			-  เป็นยาเบื่อแมลงต่างๆ เช่น แมลงวัน 
			-  เป็นยาแก้เส้นกระตุก แก้หืด ขับเสมหะ แก้ปวดศีรษะ แก้ 
			Hysteria และ Neuralgia 
			แก้ปวดกล้ามและข้อ แก้โรคผิวหนัง  
			- 
			
เหง้า 
			- ใช้ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้โรคผิวหนัง เป็นยาหอม  
			- 
			
			น้ำมันหอมระเหยจากต้น - แก้ชัก เป็นยาขมหอม ขับแก๊สในท้อง 
			ทำให้เจริญอาหาร ช่วยการย่อย  
		 
		
		วิธีใช้และปริมาณที่ใช้ : 
		
			- 
			
			บำรุงธาตุ - ใช้เหง้าสด 9-12 กรัม หรือแห้ง 3-6 กรัม ชงด้วยน้ำร้อน 
			2 ถ้วยแก้ว ดื่มครั้งละ 1 ถ้วยแก้ว ก่อนอาหารเย็น 
			ติดต่อกันจนกว่าธาตุจะปกติ  
			- 
			
			แก้ปวดท้องและจุกแน่น -ใช้รากว่านน้ำ หนัก 60 กรัม โขลกให้ละเอียด 
			ชงลงในน้ำเดือด 420 ซีซี. รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้ง  
			- 
			
			เป็นยาดูดพิษ แก้อาการอักเสบของหลอดลมและปอด - ใช้รากฝนกับสุรา 
			เจือน้ำเล็กน้อย ทาหน้าอกเด็ก  
			- 
			
			เป็นยาแก้ไอ -  ใช้ชิ้นเล็กๆ ของรากว่านน้ำแห้ง อมเป็นยาแก้ไอ 
			มีกลิ่นหอมระเหยทางลมหายใจ  
			- 
			
เป็นยาถอนพิษของสลอด 
			และแก้โรคลงท้องปวดท้องของเด็ก - ใช้รากว่านน้ำเผาจนเป็นถ่าน 
			ทำผงรับประทานมื้อละ 0.5 ถึง 1.5 กรัม 
			ใช้ใบว่านน้ำสดตำละเอียดผสมน้ำสุมศีรษะแก้ปวดศีรษะได้ 
			ตำพอกแก้ปวดกล้ามและข้อ ตำรวมกับชุมเห็ดเทศ แก้โรคผิวหนัง  
			- 
			
			เป็นยาขมหอม เจริญอาหาร ขับแก๊ส ช่วยย่อยอาหาร - 
			ในน้ำมันหอมระเหยมีวัตถุขมชื่อ acorin 
			และมีแป้งและแทนนินอยู่ด้วย ทำเป็นยาชง (1 ใน 10) รับประทาน 15-30 
			ซีซี. หรือทิงเจอร์ (1 ใน 5) รับประทาน 2-4 ซีซี. ขนาดใช้ 1-4 กรัม  
		 
		สารเคมี
		:  มีน้ำมันหอมระเหย (Calamus oil)
		 2-4% ในน้ำมันประกอบด้วย
		Sesquiterpene  เช่น  asarone, 
		Betasalone (มี 70-80 %)  
		และตัวอื่นๆ ยังมี glucoside รสขมชื่อ 
		acorin  | 
	
	
		|   | 
		  |